วันที่ 1

วันพฤหัสบดี ที่ 05 ตุลาคม 2566

สถานีรถไฟกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – บุรีรัมย์ – ศาลหลักเมือง – วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง – วัดป่าเขาน้อย

ทุกท่านพร้อมเพรียงกัน ณ สถานีรถไฟกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ตรงประตูทางเข้าที่ 4 เจ้าหน้าที่คอยบริการต้อนรับตรวจเช็คผู้เดินทาง

นำคณะรอขึ้นรถไฟขบวนด่วนพิเศษดีเซลราง ขบวนที่ 21 ชั้น 2 นั่งปรับอากาศ

*** ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 20 นาที***

*** บนรถมีบริการ อาหารว่าง/เครื่องดื่ม และอาหารเช้า จากการรถไฟแห่งประเทศไทย***

รถไฟออกจากสถานีกลางกรุงเทพฯ มุ่งหน้าเดินทางสู่สถานีปลายทางบุรีรัมย์ ทุกท่านชื่นชมกับบรรยากาศสองฝั่งริมทางรถไฟ

คณะเดินทางถึงสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ซึ่งผ่านการเปิดให้บริการมาครบ 98 ปีเต็มในวันที่ 1 เม.ย ที่ผ่านมา  นำคณะขึ้นรถตู้วีไอพีปรับอากาศออกเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง

บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

นำคณะสักการะ ศาลหลักเมือง ซึ่งมีความเชื่อว่า ณ บริเวณนี้เคยเป็นจุดพักรบของ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรัชกาลที่ 1 และยังเป็นจุดกำเนิดเมืองบุรีรัมย์ อีกด้วย ที่นี่จึงถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คู่เมืองที่เคารพสักการะบูชาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่สำคัญของชาวบุรีรัมย์ เดิมเป็นเพียงศาลที่มีขนาดเล็กๆ ในปี พ.ศ.2548 จึงได้สร้างศาลหลักเมืองขึ้นมาใหม่ และได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเสื้อเมือง เทพารักษ์ และพระทรงเมืองเพื่อมาปกปักษ์รักษาคุ้มครอง ป้องกัน ให้บ้านเมือง อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข

จากนั้นนำคณะไปสักการะ อนุสาวรีย์พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งสร้าง ในปี พ.ศ. 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก พระบรมราชานุสาวรีย์มีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ฉลองพระองค์แบบนักรบตามขัตติยราชประเพณีโบราณ ประทับบนช้างศึก จากจดหมายเหตุประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 7 กล่าวว่า ใน พ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปปราบพระยานางรองซึ่งคบคิดกับเจ้าโอ เจ้าอินแห่งจำปาศักดิ์ ขณะเดินทัพพบเมืองร้างอยู่ที่ลุ่มน้ำห้วยจระเข้มาก มีชัยภูมิดีแต่ไข้ป่าชุกชุม ชาวเขมรป่าดงไม่กล้าเข้ามาอยู่อาศัย แต่ตั้งบ้านเรือนอยู่โดยรอบ จึงรวบรวมผู้คนตั้งเป็นเมืองแปะ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีต้นแปะมากมาย และให้บุตรเจ้าเมืองพุทไธสมัน ซึ่งติดตามมาด้วยเป็นเจ้าเมือง ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยานครภักดี ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองบุรีรัมย์

นำคณะไปเที่ยวชม “วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง” ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทมาหลายพันปีแล้ว แต่ยังเป็นภูเขาไฟที่มีสภาพปากปล่องสมบูรณ์ 1 ใน 6 ลูกภูเขาไฟของบุรีรัมย์ ซึ่งคณะสามารถชมวิวเมืองบุรีรัมย์ได้จากมุมสูง และยังสามารถ เดินขึ้นบันไดนาคราชที่มีจำนวน 297 ขั้น ที่สร้างตั้งแต่ปี 2512 หรือสามารถนั่งรถไปจนถึงด้านบนเพื่อไปกราบไหว้ขอพรพระสุภัทรบพิตร ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา

นำคณะชมศิลปะ วัดป่าเขาน้อย วัดสวยบุรีรัมย์ กราบพระบรมธาตุ เสริมสิริมงคล วัดป่าเขาน้อย เป็นวัดป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่พัฒนาขึ้นตามแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พระโพธิธรรมจารย์เถร หรือ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นทั้งลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น และวิปัสสนาจารย์ที่ทุกคนเคารพนับถือ

นำคณะรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของเมืองบุรีรัมย์

นำคณะเช้าเช็คอินท์สู่ที่พัก โรงแรมบุรีเทล โรงแรมมาตฐานใจกลางเมืองมีบริการครบครัน อิสระพักผ่อนตาม

วันศุกร์ ที่ 06 ตุลาคม 2566

พิพิธภัณฑ์ช้าง บ้านตากลาง สุรินทร์ – วัดเขาพระอังคาร – ปราสาทเมืองต่ำ – ปราสาทหินพนมรุ้ง

บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์ช้าง บ้านตากลาง สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำคณะเดินชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพันของคนในชุมชน และช้าง รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับช้าง

ชมการแสดงของช้างแสนรู้ อาทิ ช้างเต้นรำ ช้างวาดรูป ช้างปาลูกโป่ง ฯลฯ

บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

นำคณะเดินทางสู่ วัดเขาพระอังคาร ซึ่งเป็นสีแดงทั้ง วัดเพื่อสื่อให้เห็นว่าตั้งอยู่บนภูเขาไฟ ชม “ใบเสมาหินอายุพันปี” เกาะสลักลวดลายสวยงามอยู่รอบอุโบสถ ที่ทำขึ้นจากหินศิลาแลง 8 คู่ 8 ทิศ เป็นศิลปะแบบขอม สลักภาพบุคคล สถูป ดอกบัว

นำคณะไปชมปราสาทเมืองต่ำ “ปราสาทเมืองต่ำ” เป็นศาสนาสถาน ศิลปะขอมแบบบาปวน อายุประมาณ พ.ศ. 1551-1630 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 โดยสร้างก่อนประสาทหินพนมรุ้ง โดยความพิเศษ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำพระเครื่อง ที่เรียกว่า “พระสมเด็จจิตรลดา“

นำคณะเดินทางถึง ปราสาทหินพนมรุ้ง พาเที่ยวชมความสวยงามของปราสาทหินพนมรุ้ง ซึ่งเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในสมัยรุ่งเรื่องของศาสนาฮินดู ในช่วงศตวรรษที่ 15 หรือประมาณ 800 กว่าปีมาแล้ว

ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินคณะพร้อมเพรียง ณ ชุดชม “ชมพระอาทิตย์ตกแสงส่องลอดช่องประตูตรงทั้ง 15 ช่อง” ซึ่งเป็นปรากฏการที่จะเกิดขึ้น 2 ครั้งในรอบปีเท่านั้น คณะจะทึ่งกับนับถือความสามารถของผู้คนในยุค 800-100 ปีก่อน ที่สามารถก่อสร้างหลายๆ อย่างได้เหนือความคาดหมาย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)

ออกจากปราสาทพนมรุ้ง นำคณะไปรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

นำคณะกลับเข้าสู่ที่พัก อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 3

วันเสาร์ ที่ 07 ตุลาคม 2566 

อุทยานดอกไม้ เพลาเพลิน – ศูนย์นกกระเรียนไทย – ลูกชิ้นยืนกิน – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำคณะไปเที่ยวชมอุทยานดอกไม้ เพลาเพลิน ซึ่ง มีจุดให้ชมดอกไม้ถึง 6 โรงเรือน และมีการจัดแสดงดอกไม้เป็นไปตามช่วงฤดูกาล อาทิ ดอกไม้ฤดูหนาว ดอกทิวลิป หรือช่วงฤดูฝน จะเปลี่ยนมาเป็นดอกกระเจียว รวมทั้งพืชทะเลทราย สับปะรดสี พืชกินแมลง ทุ่งคอสมอส และอีกมากมาย

นำคณะเดินทางไปเที่ยวชม ศูนย์นกกระเรียนไทย ซึ่งในอดีตได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว กว่า 50 ปี แต่ด้วยความพยายามของนักอนุรักษ์ ที่พยายามขยายพันธุ์จากการผสมเทียมและวิธีการตามธรรมชาติจากพ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ในกรงเลี้ยง ที่เริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี 2525 จนถึงปัจจุบันได้ปล่อยนกกระเรียนสู่ธรรมชาติกว่า 133 ตัว และมีอัตราการรอดถึง 70%

บริการอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารท้องถิ่น

นำคณะเดินทางถึงสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ให้คณะได้ไปลิ้มรส ลูกชิ้นยืนกิน ที่ยืนยันความชอบและความอร่อย จาก  ลิซ่า วงแบล็คพิ้งค์ จนเกิดเป็นกระแสฟีเวอร์ คนจากทุกสารทิศเดินทางมารับประทาน

รถไฟขบวนที่ 22 ออกเดินทางจากสถานีบุรีรัมย์ มุ่งหน้ากลับสู่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อใหม่)

*** ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 20 นาที***

*** บนรถไฟมีบริการ อาหารว่าง/เครื่องดื่ม และอาหารเย็น จากการรถไฟแห่งประเทศไทย***

*** ท่านสามารถเลือกลงสถานีรายทางใกล้บ้าน ที่ขบวนจอด เพื่อความสะดวกในการเดินทางกลับบ้านได้***

นำคณะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยสวัสดิพาพ “Home Sweet Home”